บั้งไฟพญานาค เปิดตำนานศรัทธาจากริงฝั่งแม่น้ำโขง  ปรากฎการณ์เหลือเชื่อ

       ในโลกนี้มีเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่หลากหลายตามแต่ความเชื่อของคนแต่ละท้องที่ ไม่ว่าตะเป็นภูติผีปีศาจ หรือสัตว์ในนิยายปรัมปราต่างๆ และก็เช่นกัน ในประเทศไทยก็มีกับเขาด้วย

      หากพูดถึงความเชื่อของทางภาคอีสานที่โด่งดั่งไปทั่วโลก ก็คงจะนึกถึงเรื่องบั้งไฟพญานาคกันอย่างแน่นอน บางมุมของเหตุการณ์ดังกล่าวก็สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่ก็มีอีกหลายมุมที่ยังหาคำอธิบายไม่ได้ ส่งผลให้เกิดเป็นความเชื่อท้องถิ่นไปโดยปริยาย

       วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักในหลาย ๆ ด้านของปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ว่าแท้จริงแล้วอะไรกันที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ดังกล่าว

บั้งไฟพญานาคคืออะไร

       “บั้งไฟพญานาค” เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นในแถบภาคอีสานของประเทศไทย มักจะเกิดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวจะมีการลอยขึ้นของดวงไฟสีชมพู จากผิวน้ำขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยพุ่งขึ้นสูงประมาณ 150 เมตร แล้วก็จะดับหายไป 

       ลูกไฟที่ลอยขึ้นมานั้นไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน และไม่มีเสียง มีขนาดสุดไม่เกินไข่ไก่ 1 ฟอง และจะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ช่วงค่ำเป็นต้นไป

       ชาวพื้นถิ่นที่พบเห็นปรากฏการณ์นี้ต่างเชื่อว่าเป็นการกระทำจากฝีมือของพญานาคที่อยู่ในวังใต้น้ำ ซึ่งกระทำขึ้นเพื่อบูชาต่อพระพุทธเจ้าที่เสด็จขึ้นสู่สวรรชั้นดาวดึงส์

บริเวณที่พบบั้งไฟพญานาคมีหลายจุด ได้แก่ 

  • แม่น้ำโขงบริเวณวัดไทย เขตสุขาภิบาลโพนพิสัย 
  • บริเวณจุมพล เขตสุขาภิบาลบริเวณห้วยหลวง เป็นจุดที่แม่น้ำห้วยหลวงไหลลงสู่แม่น้ำโขง 
  • บริเวณวัดหลวง บ้านจอมนาง 
  • บริเวณหนองสรวง  ซึ่งเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ 
  • ปากน้ำห้วยเป บ้านน้ำเป อำเภอรัตนวาปี 
  • บริเวณตลิ่งวัดบ้านหนองกุ้ง อำเภอรัตนวาปี   
  • หนองต้อน ตำบลหนองต้อน ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอโพนพิสัย
  • บริเวณแก่งอาฮง บ้านอาฮง ตำบลหอคำ อำเภอบึงกาฬ บริเวณนี้จะเป็นลูกไฟสีเขียวมรกต

จากปรากฎการณ์เหลือเชื่อสู่เทศกาลบั้งไฟพญานาค

       หลังจากที่ปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาคได้รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศแห่แหนกันมาเฝ้ารอชมกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ตำบลโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย โดยงานดังกล่าวถูกจะตลอดมาโดยใช้ชื่อว่า งานเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค

       ในแต่ละปี ทางจังหวัดหนองคายได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลนี้ ไม่ต่ำกว่า 300,000 คน (จากสถิติปี 2557) ขณะที่ปี 2564 ที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายเปิดเผยว่า ยอดจองโรงแรมเพิ่มมากขึ้นถึง 80% จากเทศกาลนี้

ความเชื่อและตำนานพญานาคแห่งแม่น้ำโขง

       ตามความเชื่อในพระพุทธศาสนา เดิมทีพญานาคนั้นอาศัยอยู่ในเมืองบาดาล มีนิสัยที่ดุร้าย คแต่เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ บัดนั้นพญานาคก็เกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ละมือจากนิสัยดุร้าย และมีความปราถนาที่จะบวช แต่ติดตรงที่เป็นสัตว์ไม่สามารถบวชได้ พญานาคจึงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ

       ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จนครบ 1 พรรษา  และได้เสด็จกลับโลกมนุษย์ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เหล่าบรรดาพญานาคี นาคเทวี พร้อมทั้งเหล่าบริวารจัดทำเครื่องบูชาและพ่นบั้งไฟถวาย ซึ่งต่อมาชาวบ้านเรียกว่า ”บั้งไฟพญานาค”

พญานาคแห่งแม่น้ำโขง

       ชาวบ้านในแถบลุ่มแม่น้ำโขง มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าภายใต้แม่น้ำโขงนี้มีเมืองบาดาลที่เป็นที่อยู่อาศัยของพญานาค และมีพญานาคอาศัยอยู่หลายตัวอีกด้วย เพราะมีคนเคยเห็นงูใหญ่หรือร่องรอยประหลาดที่เชื่อกันว่าเป็นร่องรอยของพญานาคอยู่เป็นประจำและพวกเขายังเชื่ออีกว่า ในอดีตดินแดนในบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงนั้นถูกสร้างและปกครองโดยพญานาค

คำอธิบายบั้งไฟพญานาคในเชิงวิทยาศาสตร์

   ในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยบางฉบับ ได้ให้ข้อสรุปไว้ว่า ปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาคนั้น เกิดจากก๊าซมีเทน-ไนโตรเจนที่เกิดขึ้นจากแบคทีเรียที่ความลึก 4.55–13.40 เมตร ภายใต้อุณหภูมิที่ไม่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส มีปริมาณออกซิเจนน้อย

       จนกระทั่งในวันที่เกิดปรากฏการณ์มีแดดส่องช่วงประมาณ 10, 13 และ 16 นาฬิกา นั้นมีอุณหภูมิมากกว่า 26 องศาเซลเซียสทำให้มีความร้อนมากพอที่จะย่อยสลายสารอินทรีย์ จะได้มีก๊าซมีเทนจากการหมัก 3–4 ชั่วโมงมากพอให้เกิดความดันก๊าชในผิวทราย ทำให้ก๊าซจะหลุดออกมาและพุ่งขึ้นเมื่อโผล่พ้นน้ำ ฟองก๊าซที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำบางส่วนจะฟุ้งกระจายออกไป ส่วนแกนในของก๊าซขนาดเท่าหัวแม่มือจะพุ่งขึ้นสูงกระทบกับออกซิเจน รวมกับอุณหภูมิที่ลดต่ำลงยามกลางคืนทำให้เกิดการสันดาปอย่างรวดเร็วจนติดไฟได้

         ในกรณีของ น.พ.มนัส กนกศิลป์ เขาได้กล่าวว่า  บั้งไฟพญานาคน่าจะต้องเป็นสสารที่มีมวล เพราะมันสามารถแหวกนํ้าขึ้นมาได้ จึงน่าจะเป็นก๊าซที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น จุดติดไฟได้เอง และต้องมีน้ำหนักเบากว่าอากาศ เขายังพบว่าความเป็นกรดด่างของน้ำในแม่น้ำโขงนั้นสอดคล้องกันกับระบบนิเวศน์ที่จะเกิดการหมักมีเทน ซึ่งเขาเคยไปวางทุ่นดักก๊าซในแม่น้ำโขง และพบว่าก๊าซที่ดักได้ในแม่น้ำโขงนั้นสามารถนำไปจุดติดไฟได้ และจะเกิดการพุ่งวูบขึ้นมาเป็นสีแดงอมชมพู ส่วนคำถามที่ว่าทำไมบั้งไฟพญานาคถึงเกิดขึ้นในคืนวันออกพรรษาเท่านั้น เขากล่าวว่าในคืนนั้นมีอ็อกซิเจน ก๊าซที่ช่วยให้ติดไฟสูงสุดในรอบปี ซึ่งก็เกิดจากอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงพลังงานรังสีของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลก

สรุป

       แม้จะมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์มาใช้อ้างอิงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคนั้นก็ยังไม่ถูกพิสูจน์อย่างแน่ชัด ดังนั้นก็ขึ้นกับเราว่าจะเชื่อไปในทางไหน แต่จะอย่างไรก็ตาม เราก็ควรเลือกที่เชื่ออย่างมีสติ

       แต่กับเว็บไซต์หวยออนไลน์ Lottoone คือเว็บที่ทุกคนสมารถเชื่อได้ เพราะเป็นเว็บที่ปลอดภัย 100% จากทีมงานที่มีคุณภาพ ให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับความสะดวกสะบายทุกครั้งที่ใช้บริการ พร้อมด้วยอัตราจ่ายที่สูงที่สุดในประเทศไทย ดังนั้นผู้เล่นทุกคนจึงสบายใจทุกครั้งเมื่อใช้เว็บไซต์ของเราแน่นอน สามารถ สมัครสมาชิก ได้แล้ววันนี้

Leave A Comment?