ราหูอมจันทร์คืออะไร มีความเชื่อและความเป็นมาอย่างไร

       ปรากฏการณ์หนึ่งที่หลายคงเคยพบเจอกันมานั่นก็คือ ปรากฏการณ์สุจันทรุปราคา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน โดยที่โลกจะกั้นกลางอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์ได้รับเงากระทบของโลกจนตัวของมันเองเป็นสีแดงอิฐ หรือในบางก็มืดจนแทบมองไม่เห็น เหตุการณ์นี้จะใช้ระยะเวลาอยู่หลายชั่วโมง

       จันทรุปราคา มีอิทธิพลต่อความเชื่อของคนไทยเป็นอย่างมาก และมีการกล่าวถึงในพระไตรปิฎกในศาสนาพุทธอีกด้วย ซึ่งการเรียกชื่อจนทรุปราคาตามความเชื่อนั้น ผู้คนนิยิมเรียกกันว่า “ราหูอมจันทร์”

การเกิดจันทรุปราคา

       หากจะลงลึกไปในรายละเอียดของการเกิดจันทรุปราคานั้น ก็คงต้องเริ่มจากตัวกลางสามอย่าง นั่นคือโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ โคจรมาอยู่ในระนาบเดียวกัน โดยโลกจะตั้งอยู่ตรงกลางของระนาบนั้น แสงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลกจะส่งผมให้มีเงาตกกระทบไปที่ดวงจันทร์ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ทำให้พระจันทร์มีลักษณะที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น มีสีแดงอิฐ มีสีเทา หรือมืดจนแทบมองไม่เห็น ทั้งนี้ลักษณะของดวงจันทร์นั้นขึ้นอยู่กับความพอดีของการเรียงตัง และองศาของดาวทั้ง 3 ดวง

     การเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคานั้นจะเกิดขึ้นอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง และสามารถเกิดได้มากสุดถึง 5 ครั้งเลยทีเดียว และมันเป็นปรากฏการณ์ที่สามารถทำนายได้ 

ความเชื่อและมุมมองต่อ “ราหูอมจันทร์” ในด้านต่างๆ

ด้านโหราศาสตร์

       การตีความในเชิงของโหราศาสตร์นั้น อธิบายปรากฏการดังกล่าวว่า สมัยหนึ่งพระอาทิตย์ไปเกิดเป็นพญาครุฑ ส่วนพระเสาร์ไปเกิดเป็นพญานาค เมื่อพญาครุฑพยายามจับพญานาคกินเป็นอาหาร  พญานาคจึงหนีไปขอความช่วยเหลือจากพระราหู พระราหูเมื่อทราบเรื่องก็ช่วยพญานาคขับไล่พญาครุฑ ฝ่ายพญาครุฑสู้ไม่ไหว ก็หนีไปโดยมีพระราหูตามไปไม่อย่างลดละ ระหว่างทางพระราหูเกิดกระกายน้ำ จึงดื่มน้ำอมฤตของพระอินทร์แก้กระหาย พญาครุฑนำความไปฟ้องพระอินทร์ พระอินทร์ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก จึงได้ขว้างจักรเพชรเข้าตัดร่างของพระราหูขาดเป็น 2 ท่อน พระราหูไม่ตายเพราะได้ดื่มน้ำอมฤตแล้ว และเก็บความเคืองแค้นพญาครุฑไว้เรื่อยมา

       เมื่อวิเคราะห์ในเบื้องต้นจะเห็นถึงความไม่ลงรอยกันของพระราหูกับพระอาทิตย์  ซึ่งเชื่อมโยงไปสู่ความเชื่อเกี่ยวกับดวงดาว เพราะทางโหราศาสตร์มองว่าราหูนั้นเป็นดาวชนิดหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อความเป็นไปของมนุษย์  ถ้ามองในมิติของโหราศาสตร์นั้น  ถือได้ว่าพระราหูนั้นเป็นที่เคารพสักการะบูชาของประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก ทั้งการบูชาเพื่อแก้เคราะห์กรรมต่าง ๆ หรือบูชาเพื่อสะเดาะเคราะห์ที่จะเกิดขึ้น

       ในทางโหราศาสตร์ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ราหูหมายถึงโลกที่มนุษย์เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้  ครั้นเมื่อเกิดราหูอมจันทร์ ก็คือเงาของโลกไปบดบังทับดวงอาทิตย์นั่นเอง  ราหูทางโหราศาสตร์เป็นดาวที่มีคุณในการเพิ่มอานุภาพภายใน ผลักดันให้เกิดความขยันขันแข็ง ในขณะเดียวกันก็เป็นบาป เพราะทำให้ลุ่มหลงมัวเมาในสิ่งที่ทำได้ เช่น ผู้ใดมีราหูกุมลัคนาจะเป็นคนขยันมากจนหลง ถ้าทำงานก็เรียกว่าบ้างาน ถ้าเล่นม้าก็บ้าม้า เป็นต้น

ด้านไสยศาสตร์

       การตีความในเชิงของไสยศาสตร์นั้น อธิบายปรากฏการดังกล่าวว่า ครั้งหนึ่งเทพและมารทั้งหลายหวั่นกลัวต่อความตาย จึงได้ร่วมกันปรุงยาวิเศษขึ้นมาเพื่อให้เป็นอมตะ แต่การที่เหน็ดเหนื่อยจากการปรุงยามาถึง 7 วัน 7 คืน เหล่ามารก็ได้หลับไหลไป และเหล่าเทวดาก็ได้ขโมยเอายาวิเศษไป หลังจากเหล่าเทวดาร่วมกันดื่มยาวิเศษนั้น อสุรินราหูที่ร่วมดื่มด้วยก็เกิดอาการมึนเมา และมนต์ที่ให้แปลงกายก็ได้คลายออก ทำให้เหล่าเทวดาตนอื่นไม่พอใจและจะคร่าชีวิตของอสุรินราหู แต่ก็ทำไม่ได้เพราะอสุรินราหูได้ดื่มยาวิเศษ ทำให้เป็นอมตะแล้ว

       เมื่อพระอาทิตย์และพระจันทร์เห็นเช่นนั้น จึงนำความเป็นเรียนพระนารายณ์ ทำให้เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อพระนารายณ์เดินทางมาถึงก็ขว้างจักรใส่อสุรินราหู ทำให้ร่างขาดเป็นสองท่อน แต่ก็ไม่ตายเพราะความเป็นอมตะ ทำให้อสุรินราหูโกรธแค้นพระอาทิตย์กับพระจันทร์เป็นอย่างมาก จึงได้ตามราวีพระอาทิตย์กับพระจันทร์เรื่อยมาจนเกิดเป็นสุริยุปราคาและจันทรุปราคา 

       เมื่อวิเคราะห์ดูแล้ว พระราหูในมุมมองของไสยศาสตร์นั้นค่อนข้างที่จะไม่ดี เพราะลักษณะของพระราหูนั้นไม่เป็นที่โปรดปรานของเหล่าเทวดา รวมถึงความอันธพาลที่รังแกพระอาทิยต์และพระจันทร์

ด้านวัฒนธรรมและประเพณีพื้นบ้านของสังคมไทย

       ในความเชื่อของไทยนั้น  พระอาทิตย์ พระจันทร์ และพระราหู เป็นพี่น้องกัน แต่ก็แยกได้เป็นสองแนวความเชื่อหลักๆ โดยความเชื่อแรกคือ ทั้งสามคนเป็นพี่น้องที่พลัดพรากจากกัน เมื่อทั้งสามโคจรมาเจอกันจึงมีการทักทายจนเกิดเป็นสุริยุปราคาและจันทรุปราคา เมื่อชาวบ้านพบเจอปากฏการณ์นี้ ก็จะตีเกราะเคาะไม้เพื่อแสดงความยินดีต่อพี่น้องทั้งสาม

       ความเชื่อที่สองคือ ทั้งสามพี่น้องนี้ได้เสียพ่อและแม่ไปในวันหนึ่ง ทำให้มีมรดกมากมายที่ตกทอดมาสู่พวกเขา พี่น้องทั้งสามต่างแย่งชิงสมบัติกัน และในท้ายที่สุด พระราหูซึ่งเป็นน้องเล็กก็ไม่ได้สมบัติอะไรไป จากนั้นสองพี่น้องผู้พี่ก็ได้นำสมบัติไปทำเป็นพานทองและพานเงินเพื่อใส่บาตร คนที่ทำบุญด้วยพานทองก็อธิษฐานว่าให้ตนไปเิกดเป็นพระอาทิตย์ ส่วนคนที่ทำบุญด้วยพานเงินก็อธิษฐานให้ตนไปเกิดเป็นพระจันทร์ ส่วนพระราหูน้องเล็กที่ไม่มีสมบัติใด ๆ ก็ได้ทำกระทายมาเป็นภาชนะใส่บาตร และอธิษฐานให้ตนไปเกิดเป็นสิ่งที่มีร่างกายใหญ่โต คอยกลบรัศมีของพี่ทั้งสอง

ด้านชนชาติอื่น ๆ

       ชาวเอสกิโม : เมื่อเกิดจันทรุปราคา เหล่าแม่บ้านจะพากันคว่ำภาชนะใส่อาหารต่าง ๆ ลง เพราะเชื่อว่าจะป้องกันพิษงูที่เกิดจากจันทรุปราคา

       ชาวละตินอเมริกัน : เชื่อว่าหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรมองจันทรุปราคา เพราะจะทำให้เด็กที่เกิดมาพิการ

       ชาวอินเดียนแดงเผ่าดาโกต้า : เชื่อว่าหากมีจันทรุปราคาจะมีสงครามใหญ่เกิดขึ้น

ความเชื่อและมุมมองต่อ “ราหูอมจันทร์” ตามที่ปรากฏในพระไตรปิฏก

       ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี จันทิมเทพบุตร และสุริยเทพบุตรถูกอสุรินทราหูจับ ทั้งคู่ต่างก็พากันระลึกนึกพระพุทธเจ้าโดยได้กันกันกล่าวคาถาว่า  ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้แกล้วกล้า ขอความนอบน้อมจงมีแต่พระองค์ ข้าพระองค์ถึงฐานะอันคับขัน ของพระองค์จงเป็นที่พึ่งของพระองค์นั้น”  

       จากการร้องขอความช่วยจากพระพุทธเจ้าในลักษณะดังกล่าวนั้น จึงทำให้พระองค์ต้องตรัสเตือนราหูว่าจันทิมเทวบุตร และสุริยเทพบุตรนั้น มีพระองค์เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ฉะนั้น สมควรที่ราหูจะต้องปล่อยเทพทั้งสองไป   เพราะพุทธานุภาพจึงทำให้ราหูเกิดความเกรงกลัวต่อพระองค์จึงได้ปล่อยเทพทั้งสองไป

       เมื่อท้าวเวปจิตติจอมอสูรทราบเรื่องจึงเกิดความสงสัยเกี่ยวกับการปล่อยจันทิมเทพและสุริยเทพให้หลุดลอยไป  อสุรินทราหูจึงบอกถึงสาเหตุว่า ด้วยพุทธานุภาพนั้น หากไม่รีบปล่อยเทพทั้งสองก็จะเกิดอันตรายกับตัวเองถึงชีวิต

         พระราหูนั้นมีใจเกลียดชัง และริษยาพระอาทิตย์เป็นอย่างมาก โดยราหูมักจะลงสู่วิถีแห่งโคจรของจันทร์และอาทิตย์ อ้าปากออกแล้วเอาพระอาทิตย์และพระจันทร์จับเข้าไปในปาก บ้างก็ใช้นิ้วมือบังไว้ บ้างคาบไว้ที่คาบหรือใต้รักแร้จนพระอาทิตย์และพระจันทร์หมดรัศมี  แต่เมื่อพระพุทธเจ้าล่วงรู้ความดังกล่าวจึงตรัสเทศนาแก่ราหูจนที่สุดจึงยอมปล่อยพระจันทร์และพระอาทิตย์ให้เปล่งรัศมีตามเดิม

สรุป

       ถ้ามองจากความเป็นมาของแต่ละความเชื่อแล้ว ราหูอมจทร์หรือเหคุการ์จันทรุปราคานั้นอาจจะมองเป็นเรื่องหรือเรื่องที่ไม่ดีก็ได้ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล

       แต่กับเว็บไซต์หวยออนไลน์ Lottoone คือเว็บที่ทุกคนสามารถเชื่อได้ว่าดีจริง เพราะเป็นเว็บที่ปลอดภัย 100% จากทีมงานที่มีคุณภาพ ให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับความสะดวกสะบายทุกครั้งที่ใช้บริการ พร้อมด้วยอัตราจ่ายที่สูงที่สุดในประเทศไทย ดังนั้นผู้เล่นทุกคนจึงสบายใจทุกครั้งเมื่อใช้เว็บไซต์ของเราแน่นอน สามารถ สมัครสมาชิก ได้แล้ววันนี้

Leave A Comment?